#ยิ้มสยาม
ยิ้มสยาม หรือ สยามเมืองยิ้ม เป็นคำแทนความหมายที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ภายหลังมีการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (2504- 2509) ในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผ่านอนุสาร อสท. ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ปัจจุบัน คือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) โดยเน้นลักษณะ “รอยยิ้ม” ความเป็นกันเอง มีไมตรีจิตและบริการเพื่อเอาใจลูกค้า (จาก www.sookkasean.com)
ยิ้มสยาม คือคำว่า ยิ้ม เชื่อมกับ คำว่า สยาม ให้เป็นศัพท์เดียวที่แปลความหมายได้ว่า การยิ้มของคนสยามหรือคนไทย ซึ่งเมื่อเผชิญปัญหาหรือเจออะไรก็ยิ้มไว้ก่อน ยิ้มสยาม และสยามเมืองยิ้ม จึงเป็นคำแทนความหมายที่ใช้ในการโปรโมตการท่องเที่ยวในลักษณะ “ทัวร์ลิตต์”และ “เพรสทัวร์” อาจรวมทั้ง “ทัวร์ซำเหมา”
แม้ว่าการท่องเที่ยวที่เน้นลักษณะ “รอยยิ้ม” ที่ดูเป็นการทอดไมตรีการบริการเพื่อเอาใจลูกค้า ลูกทัวร์ ที่มาบริการ “ยิ้ม” จะไม่ได้จำกัดเฉพาะคนสยามหรือประเทศไทยเท่านั้น แต่มีลักษณะเดียวกันทั้งอุษาคเนย์ หรือทั่วโลกก็ว่าได้ แต่ “ยิ้มสยาม” ในที่นี้ จำกัดเฉพาะความหมายถึงรอยยิ้มของคนไทยเท่านั้น “สยามเมืองยิ้ม” จึงหมายถึงความงดงามของรอยยิ้มของผู้คนทุกเพศทุกวันไม่จำกัดเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น
คำว่า “ยิ้มสยาม” และ “สยามเมืองยิ้ม” จึงถูกใช้เป็นคำประชาสัมพันธ์ในการณรงค์การท่องเที่ยวอยู่หลายวาระไม่ว่าจะยุคฐานทัพทหารสหรัฐอเมริกา ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2518 หรือ ปีรณรงค์การท่องเที่ยวไทย เมื่อ พ.ศ. 2530 ในสมัยรัฐบาลของพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ (ยศในขณะนั้น) ที่ดำเนินนโยบายเปลี่ยน “สนามรบเป็นสนามการค้า” พร้อม ๆ กับประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวด้วยการประชาสัมพันธ์คำว่า “Welcome to Thailand” และหลังจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อปี พ.ศ. 2540 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น “ยิ้มสยาม” หรือ“สยามเมืองยิ้ม” จึงเป็นความหมายที่สื่อทางกิริยาได้ทั้งด้านความหลากหลายของ “รอยยิ้ม” ที่มีเป้าหมายของ “ผู้ยิ้ม” และ “ผู้ถูกส่งยิ้ม” (เรียบเรียงจากบทความในเว็บไซต์ของสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย)
จากบทความเรื่อง “ยิ้มต่อไปเถิดนะคนไทย” ของคุณเซษฐพล มานิตย์ นักจิตวิทยาชาวไทย ที่เขียนโพสในหัวข้อเรื่อง #themosthappiness (www.themosthappiness.wordpress.com) ก็ได้กล่าวโดยสรุปว่า รอยยิ้มนั้นเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนไทย จนนานาประเทศต่างขนานนามประเทศไทยว่า “สยามเมืองยิ้ม” แล้วรอยยิ้มนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศมานักต่อนัก ไม่แปลกใจที่ธุรกิจบริการต่าง ๆ เติบโตได้ดีในประเทศไทย และที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางที่สุดก็คือรอยยิ้มของพนักงานต้อนรับการบินไทย สายการบินแห่งชาติที่เลือกสิ่งที่หาง่ายที่สุดและประหยัดที่สุดมาเป็นจุดขายได้อย่างประสบความสำเร็จมากที่สุด นี่คงเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนนะคะว่ารอยยิ้มของเรานั้นสร้างมูลค่าได้มหาศาลแค่ไหน นอกจากนี้บทความนี้ได้กล่าวถึงสาระที่น่าสนใจอย่างมากว่าในบทความของ Dr. Mark Stibich สมาชิกของคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก และเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านพฤติกรรมศาสตร์ ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ได้เขียนบทความให้เหตุผล 10 ข้อสนับสนุนว่า การยิ้มมีประโยชน์ทางด้านสุขภาพและบุคลิกภาพของเรา ดังนี้
ข้อ 1 ยิ้มทำให้เราน่าสนใจ เพียงแค่เรายิ้มออกมาก็เหมือนเป็นแรงดึงดูดให้คนรอบข้างอยากจะเข้ามาใกล้ เพราะคนเราจะตีความรอยยิ้มว่าเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตร (Smiling makes us attractive)
ข้อ 2 ยิ้มเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเรา ในเวลาที่คุณรู้สึกไม่ดีลองยิ้มออกมาเถอะ แล้วจะเห็นผลว่าคุณรู้สึกดีขึ้น การยิ้มนั้นสามารถส่งผลต่อร่างกายและช่วยในการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเราได้จริง (Smiling changes our mood)
ข้อ 3 ยิ้มเป็นอาการที่ติดต่อถึงกัน เมื่อใครบางคนยิ้มออกมาก็เหมือนกับทั้งห้องนั้นสว่างไสวขึ้น ปรับเปลี่ยนภาวะอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น ทำให้สิ่งต่าง ๆ ดูรื่นรมย์ขึ้น เวลาที่คนยิ้มมมีความสุขเกิดขึ้นที่ตัวของเขาเอง รอยยิ้มของเรากระตุ้นคนอื่นให้ยิ้มตามไปด้วย (Smiling is contagious)
ข้อ 4 ยิ้มบรรเทาความเครียด ความเครียดนั้นแสดงออกบนใบหน้า และการยิ้มนั้นเป็นเหมือนตัวป้องกันไม่ให้เราแลดูเหนื่อยล้าเกินไป เมื่อเราให้เวลากับการยิ้มสักครู่ก็สามารถคลายความเครียดได้จากนั้นก็สามารถทำอะไรต่อไปได้ดีกว่าเดิม (Smiling relieves stress)
ข้อ 5 ยิ้มเพิ่มภูมิคุ้มกัน การยิ้มช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานดีขึ้น และร่างกายมีการปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันเมื่อเราอยู่ในภาวะผ่อนคลาย นับเป็นการป้องกันไข้หวัดอีกทางหนึ่ง (Smiling boosts your immune system)
ข้อ 6 ยิ้มลดความดันโลหิต จากการวัดความดันโลหิตเมื่อเรายิ้มพบว่า ความดันโลหิตลดลง คุณสามารถทดลองได้เอง ถ้าหากคุณมีเครื่องวัดความดันเลือดที่บ้าน ให้นั่งพักสองสามนาทีและวัดความดัน จากนั้นให้ยิ้มอยู่นานหนึ่งนาทีและวัดอีกครั้งขณะที่กำลังยิ้มอยู่ คุณจะพบความแตกต่างที่เกิดขึ้น (Smiling lowers your blood pressure)
ข้อ 7 ยิ้มกระตุ้นการหลั่งเอนดอร์ฟินและซีโตโทนิน เมื่อเรายิ้มจะมีการหลั่งเอนดอร์ฟินและซีโรโทนินมากขึ้น การยิ้มจริงเปรียบได้กับยาที่มีมาโดยธรรมชาติ (Smiling releases Endorphins, Natural Pain Killers and Serotonin)
ข้อ 8 การยิ้มช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น กล้ามเนื้อใบหน้าที่เราใช้ในการยิ้มจะยกขึ้นเมื่อเรายิ้ม ซึ่งทำให้รอยย่นของผิวหนังหายไป ใบหน้าเต่งตึงทำให้ดูอ่อนเยาว์ ไม่จำเป็นต้องไปยกกระชับใบหน้า เพียงแค่เรายิ้มอย่างสม่ำเสมอนอกจากดูอ่อนกว่าวัยแล้วยังรู้สึกดีด้วย (Smiling lifts the face and makes you look younger)
ข้อ 9 ยิ้มทำให้เรารู้สึกประสบความสำเร็จ คนที่ยิ้มจะแสดงออกถึงความมั่นใจมากขึ้น มีแนวโน้มที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและมีแนวโน้มที่คนจะเข้าหามากขึ้น การยิ้มในการพบปะนัดหมายทำให้ได้รับการตอบสนองที่แตกต่างไปจากการไม่ยิ้ม (Smiling makes you seem successful)
ข้อ 10 ยิ้มช่วยให้เรายังคงมองโลกในแง่ดีต่อไปได้ สามารถทดลองได้ง่ายด้วยการพยายามคิดถึงสิ่งเลวร้ายโดยไม่เลิกยิ้ม คุณจะพบว่าเป็นการยากที่จะทำเช่นนั้น เพราะเมื่อเรายิ้มร่างกายของเราส่งสารไปในส่วนต่างๆ เพื่อบอกว่า “ชีวิตของเรานั้นวิเศษ” ทำให้เราห่างไกลจากอาการซึมเศร้าความเครียดและวิตกกังวลด้วยการยิ้ม (Smiling helps you stay positive) ผู้เขียนบทความฉบับนี้ได้อ้างอิงมาจาก Mark Stibich, PhD. Top 10 Reasons to Smile (http://longevity.about.com/od/lifelongbeauty/tp/smiling.htm)
จึงเห็นได้ว่า “ยิ้มสยาม” หรือ “สยามเมืองยิ้ม” ต่างก็เป็นคำนิยามที่แสดงอัตลักษณ์ที่สำคัญของคนไทยและวัฒนธรรมไทย ที่แสดงให้เห็นได้หลากหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นการทักทาย การสร้างมิตรภาพ การให้อภัย การอ่อนน้อมถ่อมตนและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ความหมายทั้งหมดสามารถรวมไว้ภายใต้ยิ้มสยามแห่งสยามเมืองยิ้มนั่นเอง
ค้นคว้าและเรียบเรียงโดย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล